suree-weeken: พฤศจิกายน 2006

22 พฤศจิกายน 2549

1 ใน 100 คนแรก


เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ด่านข้ามแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เพิ่งเปิดใหม่ที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย ฉันคือ คนที่ 96 ของประเทศไทยที่ได้ไปใช้บริการนั้น กว่าจะผ่านด่าน ตม. ไปได้ เหนื่อยเหลือหลาย เพราะเราไม่มีหนังสือเดินทางจึงต้องนั่งรถกลับเข้าเมืองมาทำหนังสือเดินทางชั่วคราว (Border Pass) ขั้นตอนการทำไม่ยาก ขอให้มีรูปถ่าย 2 รูปและบัตรประชาชนเท่านั้นพอ เอ้อ... เสียค่าทำ 90 บาท จากนั้นก็นำใบที่ได้มาชื่อที่ ตม.ฝั่งไทย เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง (ตม.ไทยจุ้ยมาก ๆ นั่งอยู่ในห้องแอร์สบายเชียว) จากนั้นเมื่อข้ามไปฝั่งลาวแล้วต้องผ่านการตรวจจาก ตม.ลาว ซึ่งพูดภาษาไทยได้คร่อง เขาจะถามโน้นนี่นั่น แล้วแจ้งให้เราทราบว่าบัตรผ่านแดนชั่วคราวนี้ให้อยู่ในลาวได้ 3 วัน เสียค่าธรรมเนียบม 20 บาท รับใบเสร็จแล้วไปได้ นั่นคือด่านแรก เรายังต้องผ่านการตรวจอีก 3 ด่าน อาคาร ตม. ของฝั่งลาวจะเป็นอาคารไม้ ไม่มีพัดลม ไม่มีแอร์ ดูแลเราค่อนข้างเข้ม ไม่รู้กลัวอะไร
เมื่อผ่านข้ามแดนมาแล้วเช่ารถ 3 ล้อ ตุ๊ก ๆ 200 บาท เข้าไปเที่ยวในตลาด ซึ่งอยู่ห่างจากจุดข้ามแดนมาก ดิรลูกรัง ฝุ่นสีแดงฟุ้งไปตลอดทาง เดินเล่นในตลาดผู้คนมองเราดูสายตาประหลาดเพราะยังไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเลย คนขับรถติ๊ก ๆ เป็นไกด์อย่างดีให้กับเรา พาไปร้านทอผ้า ไปซื้อเครื่องเงิน คนลาวแถบนี้อ่านหนังสือพิมพ์ไทย เขาบอกว่า หนังสือพิมพ์ในเราต้องมาจากเมืองหลวง (เวียงจันทร์) ซึ่งมันไกลมาก สู้ข้ามไปซื้อใน จ.เลยไม่ได้ (หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น) ส่วนละครไทย เขาบอกว่าสนุกมากสัญญาณชัดแจ๋วเลย
ระหว่างนั่งรถตุ๊ก ๆ เที่ยวในหมู่บ้านจะได้ยินเสียงเพลงไทย ตามบ้านที่มีวัยรุ่นอยู่ บิ๊กแอส พลพล เป็นเพลงฮิตของวัยรุ่นที่นี่ แม่สาวลาวหน้าตาสะสวยใส่ผ้าสิ้นปั่นจักรยานมาเป็นแถวช่วงเลิกเรียน บ้างก็เดินเป็นกลุ่มท่าทางเอียงอายเมื่อเห็นคนแปลกหน้าอย่างเรา
ตะวันคล้อยรีบกลับไทยดีกว่า ไม่มีที่พักเพราะที่นี่ไม่ใช่เมืองเที่ยว คืนนี้พักที่เลยลีลาวดี บ้านดิน บรรยากาศดีมาก ๆ

20 พฤศจิกายน 2549

Forward Mail

เราสองคนจะเดินไปด้วยกันไหวไหม

แต่ละคนเติบโตมาจากที่แตกต่าง...
ยิ่งมาอยู่ใกล้กันมากก็ยิ่งทำให้เห็นความแตกต่างกัน ของ "คน" สอง "คน"
อาจมีหลายครั้ง… ที่เรารู้สึกขัดใจที่อีกคน ทำอย่างนั้น… อย่างนี้...หรือพูดจาอะไร ที่เราไม่ค่อยพอใจ

แต่ด้วยความรักที่มีอยู่จึงกลัวว่าหากพูดหรือทำอะไรออกไปแล้วจะเกิดการกระทบกระทั่ง หรือทำให้เสียความรู้สึกกันไปเปล่า ๆจึงเก็บความอึดอัดใจไว้ดีกว่า…

จนเผลอลืมไปว่า... ความรู้สึกที่ไม่ได้รับการผ่อนคลายนั้นจะถูกทับถม สะสมให้สูงขึ้น... เป็นความขุ่นเคืองในอารมณ์และอาจถึงจุดที่ไม่อาจทนได้ในสักวัน

การคบหาใครสักคนอย่างจริงจังนั้น เราต้องไม่ลืมไปว่า...
คนๆ นั้น คือ คนที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป

อย่าให้ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อดทน ขนาดนั้นเลย กล้าที่จะพูดในแง่ดี... แง่เสีย เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้รับรู้และปรับตัวเข้าหากันเพื่อถนอมรักไว้ให้อยู่ด้วยกันนาน... นาน…

เพราะไม่มีประโยชน์อะไรเลย...หากจะเก็บความรู้สึก เพื่อที่จะรักกันให้มาก ๆ ในวันนี้แต่ไม่เคยยอมรับอะไรกันได้ และมีแต่ให้ความรักน้อยลงในวันต่อไป

อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองใจเล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่กับแค่คนสองคนที่ไม่ได้คุยกัน กล้าที่จะพูดคุยกัน ให้เข้าใจและให้ทุกความคลางแคลงใจ จบลงที่ตรงนั้นจะดีกว่า จริงไหม?

15 พฤศจิกายน 2549

ระทึกการเดินทาง





เมื่อปี 47 ไปเที่ยว 3 จังหวัดทางภาคอีสาน ได้แก่ ขอนแก่น อุดร และหนองคาย สนุกสนานเพลิดเพลินจนไปถึงเวียงจันทร์ประเทศเพื่อนบ้าน ครั้งนั้นเราข้ามฝั่งไปเวียงจันทร์ผ่านทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ค้างที่เวียงจันทร์ 1 คืน ขากลับเกิดนึกสนุกจึงข้ามกับฝั่งไทยทางเรือ ทันทีที่เหยีบแผ่นดินไทยก็มีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนอกเครืองแบบ เชิญเราไปที่ห้องแล้วถามว่าเรามาจากไหน เป็นคนไทยหรือเปล่า ทำไมถึงข้ามฝั่งมาทางนี้ ในกระเป๋ามีอะไรบ้าง ไปฝั่งโน้นทำไม ว่าแล้วก็จัดแจงค้นกระเป๋าเราอย่างเมามันส์
ตอนนั้นสนุกไม่ออกเพราะท่าทาง ตม. เอาจริงเอาจัง และที่สำคัญกลัวเขาจะยัดสิ่งผิดกฎหมายให้เรา เหมือนที่เคยได้ข่าวมา


12 พฤศจิกายน 2549

สิ่งสำคัญในชีวิต

สิ่งสำคัญในชีวิต
Around the corner I have a friend,
ฉันมีเพื่อนที่อยู่ไม่ไกล
In this great city that has no end,
ในเมืองใหญ่ที่ไม่มีวันหลับไหล
Yet the days go by and weeks rush on,
และเวลาก็ยังคงผ่านไป
And before I know it, a year is gone.
ฉันไม่เคยรู้ว่านานแค่ไหน
And I never see my old friends face,
แต่ฉันไม่เคยเจอเพื่อนเก่าคนนั้น
For life is a swift and terrible race,
เพราะ ชีวิตที่มีแต่การเปลี่ยนแปลงและแข่งขัน
he knows I like him just as well,
รู้แต่ว่าเขาคงสบายดีเช่นกัน
As in the days when I rang his bell.
จนวันหนึ่งอยากลองไปหาดูสักที
And he rang mine but we were younger then,
เพื่อนที่เราเคยมีความรู้สึกดี ๆ
and now we are busy, tired men.
แต่ตอนนี้เรายุ่งและเหนื่อยล้า
Tired of playing a foolish game,
ต้องฟันผ่ากับเกมอันหลากหลาย
Tired of trying to make a name.
เหนื่อยหน่ายกับการสร้างชื่อ
"Tomorrow" I say! "I will call on Jim
พรุ่งนี้แล้วกันนะฉันจะโทรหา
Just to show that I'm thinking of him."
ปลอบตัว เองว่าเรายังมีเพื่อนให้คิดถึงอยู่
But tomorrow comes and tomorrow goes,
แต่พรุ่งนี้ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
and distance between us grows and grows.
ระยะทางระหว่างเรายิ่งไกล
Around the corner, yet miles away,
เพื่อน ที่อยู่ใกล้กลับเหมือนอยู่ห่างร้อยไมล์
Here's a telegram sir," "Jim died today."
จนได้ข่าวว่าเพื่อนจากเราไป
and that's what we get and deserve in the end.
นี่คือสิ่งที่เราสมควรได้หรืออย่างไร
Around the corner, a vanished friend.
ที่ตรงนั้นไม่ไกล แต่ว่าเพื่อนฉันไม่อยู่อีกต่อไป
Remember to always say what you mean.
จงพูด อย่างที่ใจคิด
If you love someone, tell them.
ถ้าคุณรักใครสักคนก็บอกเขาไป
Don't be afraid to express yourself.
อย่ากลัวที่จะเผยความรู้สึก
Reach out and tell someone what they mean to you.
เปิดใจ และบอกคนที่มีความหมายกับคุณ
Because when you decide that it is the right time it might be too late.
เพราะหากคุณรอจนถึงเวลาที่เหมาะสม วันนั้นอาจจะช้าไป
Seize the day. Never have regrets.
หาโอกาสในวันนี้ แล้วคุณจะไม่มีวันเสียใจทีหลัง
And most importantly, stay close to your friends and family, for they have helped make you the person that you are today.
“สิ่งที่สำคัญที่สุด จงอย่าละเลยเพื่อน และครอบครัว เพราะพวกเขาทำให้คุณเป็นอย่างที่คุณเป็นทุก วันนี้”

09 พฤศจิกายน 2549

สองมือ+สองเท้า

06 พฤศจิกายน 2549

ลอยยยยย ร้าว





03 พฤศจิกายน 2549

กระทงไม่เคยหลงทาง เพราะไม่เคยลอยด้วยกัน

พรุ่งนี้เป็นวันลอยกระทง ไม่อยากเชื่อเลยว่าตั้งแต่รู้จักกันมาผ่านประเพณีลอยกระทงมาแล้ว 3 ครั้ง ยังไม่เคยไปลอยกระทงด้วยกันเลย และดูเหมือนว่าปีนี้ก็จะเป็นเช่นนั้นอีก เหตุมันเริ่มจากเมื่อวาน (วันศุกร์ ที่ 3 พ.ย. 49) นัดกันว่าจะไปกินข้าวเย็นกันที่ร้านประจำ นัดกันที่เซ็นทรัล 1 ทุ่ม เราไปถึงก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะอยากไปเดินเล่นตลาดนัด โทรไปแจ้งว่าเรามาถึงแล้ว เต้ยบอกว่ากำลังออกจาก Office คงถึงเซ็นทรัลประมาณ 1 ทุ่มนึงตามที่นัดไว้ เราก็เดินเล่นรอ หิวข้าวมาก แต่ไม่ได้กินอะไรเพราะเดี๋ยวต้องไปกินข้าวด้วยกัน เดินทั้งในเซ็นทรัลและตลาดนัดหน้าเซ็นทรัล ได้เวลาจึงโทรไปสอบถามว่าถึงไหน คุณชายบอกว่ากำลังไปรถไฟฟ้า ตอนนี้อยู่หน้าลิฟ เราก็ไม่ว่าอะไร เดินดูของต่อเพลินจนลืมเวลา จะ 2 ทุ่มครึ่งแล้วนี่หว่าทำไมยังมาไม่ถึงอีก โทรไปถามได้ความว่า คุยกับเพื่อนร่วมงานอยู่หน้าตึก... "นิดหน่อยน่า เดี๋ยวจะรีบไป"

เซ็งเลยครับท่าน ! นี่นัดกันแล้วนะไม่ใช่ไม่นัด เฮ้อให้มันได้อย่างนี้สิ ไปนั่งรออยู่ที่ป้ายรถเมล์ประมาณครึ่งชั่วโมง พอมาถึงก็กลับบ้านใครบ้านมัน สรุปว่าฉันกลับมากินข้าวที่บ้าน

พอมาถึงวันนี้ วันเสาร์ เที่ยงแล้วท่านชายยังไม่ตื่นเลย... พรุ่งนี้คงไม่ต้องพูดต่อ
"ไม่ปลื้ม... จบ! "

02 พฤศจิกายน 2549

ค่าเทอมอนุบาล 20,000 บาท

เมื่อวานหลานชายตัวแสบย้ายโรงเรียน จากอนุบาลธัญวิทย์ รังสิต เข้าเมืองไปอีกนิดที่ โรงเรียน ไผทอุดมศึกษา ย้ายกลางเทอม เพื่อความสะดวกในการรับส่งและดูแล วันแรกของการเปิดเทอมต้องชำระเงินค่าค่าต่าง ๆ นานา ตกใจมากเมื่อเห็นใบเสร็จ ค่านั่นนี่โน้นมากมายหลายรายการ รวม ๆ แล้วเกือบ 20,000 บาท โอ้วววว เด็กอนุบาลเขาต้องเสียค่าเทอมกันถึงขนาดนี้เชียวหรือ มากกว่าค่าเทอมฉันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเสียอีก แล้วถ้าฉันมีลูกจะเอาเงินที่ไหนมาส่งเรียนล่ะ สังคมสมัยนี้ทำให้เด็กรุ่นเราสามารถลืมตาอ้าปากได้จริง ๆ เหมือนที่อาจารย์ สุรศักดิ์ วาจาสิทธิ์พูดไม่มีผิด !
ค่าใช้จ่ายเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล แรกเข้า
ค่ารถ ค่าหนังสือ ค่าเอกสาร 200
ค่ากิจกรรมดูแลการบ้าน 700
ค่าประกันอุบัติเหตุ 195
ค่าบัตรนักเรียน 150
ค่าแบบเรียน เทอมละ 881
ค่าสมาคมครูและผู้ปกครอง 500
ค่าพัฒนาคุณภาพการศึกษา 2480
ค่าเตรียมเครื่องใช้ 1000
ค่ากิจกรรมส่งเสริมการศึกษา 2500
ค่าบำรุงรักษาเครื่องใช้ 900
ค่าตรวจสุขภาพ 100
ค่าวารสาร 60
ค่าประกันของเสียหาย 500
ค่าพัฒนาสุนทรียภาพและดนตรี 1200
ค่าอาหาร เดือนละ 3000
ค่าอาหารเสริม เดือนละ 1000
ค่าทะเบียนแรกเข้า 10,000
ค่าห้องเรียนปรับอากาศ 1200