suree-weeken: ตุลาคม 2006

25 ตุลาคม 2549

เมื่อได้ไปเยือนบ้านน้องบัวบูชา


นานทีปีหนพวกเราจึงจะได้รวมตัวกันแบบครบองค์ประชุม คราวนี้เราไปบ้านของน้องบัวบูชา จ.นครปฐม ทั้งที่จริงจุดหมายหลักของเราคือ "ร้านตำนาน" ที่ที่หมวดนุ้ยมีตำนานมากมายเกิดขึ้นที่นี่
หลายปีแล้วที่พวกเราไม่ได้มา ณ ที่แห่งนี้ สิ่งแรกที่เปลี่ยนไปคือ นักร้องหนุ่มหน้ามนของไอ้หมวดนุ้ย อ้วนขึ้น ร้านอาหารที่เรานั่งประจำก็แลดูเอาใจวัยรุ่นขึ้นมาก จากตำนานเพื่อชีวิต ตอนนี้กลายเป็นตำนานไปแล้วจริง ๆ
GH. ที่เราใช้หลับนอน เมื่อก่อนเป็นเพียงแพริมน้ำ น่านอนและน่านั่งเล่น แต่ตอนนี้เจ้าแพริมน้ำนั้น อยู่ริมน้ำจริง ๆ สภาพก็โทรม ๆ ขาดการเอาใจใส่ดูแล เพราะมีที่พักหลังอื่น ๆ ผุดขึ้นมาแทน ห้องพักติดแอร์ มีระเบียงและห้องน้ำในตัวพร้อมด้วยบรรยากาศน่ารัก ๆ
พวกเราพักกันที่เมืองกาญจน์ 1 คืน ก่อนมุ่งหน้ามา จ.นครปฐม บ้านของนู๋บัวบูชา เจ้าแม่ความงาม คังเซ็น แล้วกิจกรรมเสริมความงามก็เริ่มขึ้น

20 ตุลาคม 2549

ความคิดสวนทางกัน

นี่คิดจะเที่ยวทุกเดือนเลยใช่ไหม....
เที่ยวแล้วมันได้อะไร...
เต้ย ถามก่อนที่เราจะทะเลาะกันเป็นเรื่องราวใหญ่โต
เดือนไหนมีวันหยุด เต้ยจะเบื่อและเอือมระอามาก เพราะรู้ดีว่าฉันต้องชวนไปเที่ยวอย่างแน่นอน และนั่นอาจเป็นเหตุนำพาให้ต้องทะเลาะกันยาววววว
และอีกไม่นานถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปก็คงไม่มีฉัน ไม่มีเต้ย เพราะทุกอย่างสวนทางกันหมด !
บางครั้งก็คิดอยู่เหมือนกันว่า เรื่องไม่เป็นเรื่อง ทะเลาะกันทำไม
เรื่องไม่เป็นเรื่อง ตามใจกันหน่อยไม่ได้หรือ... คนรักกัน
- - - - - - ไม่ได้ดังใจจริง ๆ - - - - - -

คนคือการเดินทาง

คนคือการเดินทาง
ภู เชียงดาว
บนถนนสายนั้น...
“กับการเดินทาง คุณชื่นชอบถนนสายใดมากที่สุด!?...”บ่อยครั้งที่ใครหลายคนชอบตั้งคำถามกันแบบนี้
แน่นอนคำตอบย่อมแตกต่างกันไป สำหรับผม ตอบได้ทันใดเลยว่า ชอบและผูกพัน ถนนบ้านเกิด - - ถนนสายแรกของชีวิต ที่เริ่มต้นจากเส้นทางเล็กๆ ผ่านหุบห้วย ภูเขา ลำเหมือง ผ่านท้องทุ่ง มุ่งสู่ ถนนสายใหญ่ - - ไกลและไกลออกไป
ถนนสายนี้แหละ คือถนนที่พาชีวิตตัวเองออกมาเผชิญกับโลกกว้าง ทั้งโลกในจินตนาการและโลกของความจริง เป็นถนนที่ทำให้ผมได้รู้จักถนนอีกหลากสาย ทั้งแปลกแยกแตกต่าง ทั้งเงียบสงบทั้งอลหม่าน เป็นถนนที่พาผมไปพบกับถนนของความราบเรียบและคดเคี้ยว ถนนของความสุขและทุกข์ ถนนของความรื่นรมย์และขมขื่นในชีวิต
จริงสิ เมื่อพูดถึงการเดินทาง คนบางคน ออกเดินทางในนาม นักท่องเที่ยว- -นักเดินทาง เพียงเพื่อต้องการแสวงหาความแปลกใหม่
คนบางคนออกเดินทางไกล เพียงเพื่อแบกเอาความเศร้า ความทุกข์อันหนักหน่ายในชีวิต ในการงาน ไปปลดปล่อยทิ้งไว้ในอีกสถานที่หนึ่ง ก่อนเดินทางกลับคืน ไปจ่อมจมอยู่กับความจริงที่ไม่อยากจำอยู่ซ้ำๆ
และยังมีคนหลายคน ออกเดินทางไปพร้อมความมุ่งมั่น แรงกล้า พกพาหัวใจเต็มไปด้วยความหวัง ทว่าตอนหวนคืนย้อนกลับบนถนนสายเก่า กลับพกพาความผิดหวังรวดร้าวมาพร้อมกับชีวิตที่พังพ่าย
...บนถนนแห่งความกล้าหาญนี้
สายลมพัดผ่าน ทิ้งพฤกษาใหญ่น้อยไว้เบื้องหลัง
ที่นี่ มีเพียงก้อนหินและตะไคร่เท่านั้น
ไม่มีสมบัติพัสถานใดๆ ไว้ให้ใครค้นหา
ที่นี่ ไม่มีใครได้เป็นเจ้าของ...
อ่านถ้อยความของ 'เฮสเส' บทนี้แล้ว ทำให้ผมนึกไปถึงคนคุ้นเคยและญาติพี่น้องของผมที่พาชีวิตเหวี่ยงออกมาจากบ้านเกิด ออกมาเดินไปตามถนนสายนั้น
ภาพของหนุ่มน้อยหลายคนออกจากหมู่บ้าน ไปเป็นทหารในกองทัพ แล้วหวนกลับมาพร้อมกับความบอบช้ำของสงคราม ทว่าบางคนไม่ยอมกลับสู่บ้านของความจน หากเฝ้าทำงานเป็นนักเลงคุมผับบาร์ ในเมืองเชียงใหม่แทน
ภาพของหญิงสาวออกจากหมู่บ้าน ไปเป็นลูกจ้างในร้านอาหาร ในโรงงานขนมปัง ในโรงงานนิคมอุตสาหกรรมลำพูน แล้วพาร่างกลับมาพร้อมกายอันซีดผอมด้วยโรคร้าย และจากไปอย่างเงียบๆ
นั่น, ภาพชายวัยกลางคนละลูกเมียไว้ในบ้าน ก่อนแบกกระเป๋าเดินไปตามถนนสายนั้น ไปเป็นยามตามโรงแรม เพียงไม่นาน…เมืองใหญ่ก็กลืนเขาหายลับไม่กลับคืนสู่บ้านอีกเลย
แน่นอน...มีหนุ่มสาวบางกลุ่มออกจากหมู่บ้าน มาเรียนต่อในเมืองเพื่อหาความรู้ แต่กลับพบกับความไม่รู้ วิถีเคว้งบนทางแยกแปลกใหม่ บ้างพึมพำร่ำไห้ในความสับสนและเมามาย จะเดินหน้าหรือว่าถอยหลังกลับไป...ไม่รู้ ไม่เข้าใจตัวเอง
มีหลานชายผมคนหนึ่ง เรียนจบแล้วตัดสินใจหวนคืนบ้านเกิดทันที เขาตัดสินใจกลับไปพลิกผืนดินทำสวนทำไร่ พร้อมกับบอกว่า เราต้องกลับไปยึดฐานที่มั่นเอาไว้...ผมยิ้ม เหมือนยังมีดอกไม้แห่งความหวังดอกหนึ่งผลิบานในใจ ในขณะที่ยังมีอีกหลายคนหลายใคร ยังคงมุ่งหน้าออกเดินทางไกล...ไกลไปจากเดิม
แน่นอน ยังคงมีอีกหลายชีวิต ที่ยังพร้อมเผชิญย่ำเดินไปบนถนนเมือง บ้างพลัดหลงเข้าสู่ปลักวังวนของความฟุ้งเฟ้อและดำมืด บ้างตกใจพยายามตะเกียกตะกายคว้าไขว่หาที่เกาะให้ยึดมั่น ทว่าสิ่งที่จับได้กลับไร้ราก เปราะบาง ร่างจึงร่วงผล็อย ชีวิตจึงบาดเจ็บอยู่ซ้ำๆ มิรู้หาย แต่ก็จำออกเดินทางไกล ระเหระหนบนความไม่แน่นอนกันต่อไป
หลานสาวอีกคน ทำสีหน้าเศร้า บอกว่า ใจหนึ่งอยากกลับบ้าน แต่ไม่รู้จะกลับไปทำไม ในเมื่อบ้านหลังนั้นล่มสลายไปนานแล้ว และเพื่อนรักของผมคนนั้น ออกจากบ้านมานานพอๆ กัน แต่กว่าจะกลับคืนสู่บ้านอีกครั้งก็ต่อเมื่อเหลือแต่ร่างที่ไร้ลมหายใจ นั่นเป็นการเดินทางไกลที่สุดของชีวิต, ในความรู้สึกของผม
ผมพยายามทำความเข้าใจ...ในวิถีชีวิตของทุกคนกับการเดินทางบนถนนสายนั้น บางสิ่งดูหม่นมัวไม่มีความกระจ่าง บางอย่างก็มิอาจอธิบายให้ใครเข้าใจได้
เหมือนกับผมในห้วงยามนี้ ที่พาตัวเองออกมาจากบ้าน นานและไกลเช่นเดียวกัน...
จนบางครั้งทำให้ผมครุ่นคิดไปต่างๆ นานา ทำไมคนเราต้องออกเดินทาง หรือว่าแท้จริงแล้ว ชีวิตเราล้วนมาจากทางสายเปลี่ยว...มาจากถนนที่พาเราซัดเซพเนจร ถนนสายที่ใครหลายใคร กำลังเดินทางไปที่โน่นที่นั่น ที่นี่...
เป็นถนนที่เชื้อเชิญใครหลายคนพาชีวิตออกมาสู่โลกภายนอก
อีกทั้งยังเป็นถนนที่ทอดร่างรอรับการกลับคืนของใครอีกหลายคน
และมาถึงตอนนี้ ผมมิอาจคาดเดาได้เลยว่า ท้ายสุดแล้ว ถนนสายนั้น, มันจะเป็นถนนของความกล้าหาญหรือว่าเป็นถนนของความว่างเปล่า...
แล้วคุณล่ะ...ชอบถนนสายใดในชีวิต!?
** บางถ้อยความใน “พเนจร”ของ “แฮร์มานน์ เฮสเส” วัชรา ทรัพย์สุวรรณ แปล สนพ.เจ้าพระยา จัดพิมพ์,2526

Mascot งานราชพฤกษ์ 2549

น้องคูน เป็น Mascot หรือสัญลักษณ์ตุ๊กตางานมหกรรมพืชสวนโลก นำทีมตุ๊กตาราชพฤกษ์ออกทัวร์ ออกทัวร์ทั่วไทย เชิญชวนคนไทยร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก ซึ่งเป็นศูนย์รวมจัดแสดงพืชพรรณไม้ดอกไม้ประดับเขตร้อนกว่า 2,200 ชนิด กว่า 2 ล้าน 5 แสนต้น สู่สายตานานาประเทศทั่วโลก
ผมชื่อ "น้องคูน" ส่วนชื่อจริงนั้นเรียกว่า "ราชพฤกษ์" ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำชาติไทย ผมขอรับอาสาเป็นหัวหน้าทีมพาเพื่อนๆเที่ยวงาน "ราชพฤกษ์ 2549" อันที่จริงเห็นผมตัวแค่นี้ แต่ผมเป็นคนที่รักการผจญภัย และรักธรรมชาติมาก แถมยังชอบความผาดโผน และใฝ่หาความรู้อย่างสม่ำเสมอ ด้วยความที่ชอบคิดอะไรใหม่ๆ ผมจึงชอบคิดหาวิธีเล่นแผลงๆให้กับเพื่อนๆอยู่เสมอ
น้องกุหลาบ ทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์สื่อแทน "ดอกกุหลาบควีนสิริกิติ์" ดอกกุหลาบลูกผสมระหว่าง Colour Wonder และ Golden Giant เป็นกุหลาบประเภทดอกใหญ่ (Hybrid Tea) มีลำต้นแข็งแรง ตัวกลีบดอกสีเหลืองขอบสีแดงระเรื่อ ลักษณะซ้อนกันหลายชั้น และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ "กุหลาบ" เป็นสาวสวยสาวสวยประจำกลุ่มที่มีความอ่อนหวาน เฉลียวฉลาด อ่อนน้อมถ่อมตน ใจเย็นและรอบคอบ เป็นหญิงสาวสมัยใหม่ทันสมัยแต่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติของกุลสตรีไทยที่ชอบทำกับข้าวและเย็บปักถักร้อย
นารี ทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์สื่อแทน ดอกกล้วยไม้รองเท้านารี เป็นเจ้าหญิงน้อยจอมซนซึ่งอาศัยอยู่ข้างบ้านของ"กุหลาบ" ความที่ "นารี" มีบุคลิกที่ค่อนข้างซุกซนจึงมักจะก่อเรื่องวุ่นวายให้กับคนรอบข้าง แต่ด้วยความเฉลียวฉลาด หรือบางทีเป็นการฉลาดแกมโกง "นารี" จึงมีเรื่องตลกมาให้เพื่อนๆ พี่ ๆ ได้หัวเราะกันเสมอ
บัว ทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์สื่อแทน ดอกบัว "ราชินีแห่งไม้น้ำ" สัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ผุดผ่อง และคุณงามความดีในพุทธศาสนา "บัว" จึงมีบุคลิกของสาวสวยที่คงรักษาขนบธรรมเนียม ประเพณีไทยไว้อย่างเคร่งครัดทุกกระเบียดนิ้ว การที่ "บัว" เติบโตอยู่ในตระกูลผู้ดีเก่าจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาการทำอาหาร- ขนม การร้อยมาลัย และการแกะสลักผักผลไม้ ฯลฯ มาจากในวัง "บัว" เป็นหญิงไทยเต็มร้อย จึงมีนิสัยอ่อนแอ ชอบร้องไห้ ขี้หวาดกลัว ในกลุ่มเพื่อนบัวจะสนิทกับกุหลาบ เพราะเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นทั้งคู่มักจะอยู่ด้วยกันเสมอ
ก้านยาว ทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์สื่อแทน "ทุเรียน" ผลไม้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นราชาของผลไม้ "ก้านยาว" เป็นหนุ่มเมืองจันท์ มีร่างกายที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ และด้วยความที่เป็นหนุ่มอารมณ์ดี ขี้เล่น มองโลกในแง่ของความเป็นจริง และเป็นตัวตลกประจำกลุ่มที่สร้างรอยยิ้มให้เพื่อนๆ ได้เสมอ จึงเป็นที่รักของทุกคนที่ได้พูดคุยด้วย นอกจากนี้ก้านยาวยังเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ รักการเรียนรู้ทางการเกษตรและพันธุ์พืชเขาจึงชอบเข้าไปคุยกับตาทุ่งซึ่งทำให้เขามีความรู้ด้านการเกษตรมากขึ้นอีกด้วย
มังคุด ทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์สื่อแทน "มังคุด" ราชินีของผลไม้ เป็นผลไม้เมืองร้อนที่มีรสชาติหวานอร่อย เนื้อในมีสีขาวสะอาด "มังคุด" เป็นขวัญใจของหนุ่มก้านยาว เป็นสาวไฮโซที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ชอบความหรูหรา รสนิยมทันสมัย และหลงตัวเอง ชอบการแสดงออกทั้งการร้องเพลง รวมไปถึงการถ่ายแบบและมีวิธีการพูดจาเป็นภาษาสมัยใหม่ประเภทไทยคำฝรั่งคำ
ฝักบัว ทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์สื่อแทน "ฝักบัวรดน้ำ" เป็นหนุ่มน้อยผู้คอยดูแลสวน รักการปลูกต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจ ในแต่ละวันจะคอยรดน้ำ พรวนดินและคอยดูแลเอาใจใส่ต้นไม้ ดอกไม้ทั้งหลายให้เติบโตและเบ่งบาน เวลาเพื่อนๆทะเลาะกัน ฝักบัวจะเป็นคนคอยห้ามเสมอๆ จึงเป็นที่รักของผองเพื่อน

จ้อน ทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์สื่อแทน "ผักกาด" ที่มีต้นกำเนิดอยูในทวีปเอเชีย "จ้อน" เป็นเด็กน้อยจากยอดดอยผู้รักการผจญภัย และใฝ่ฝันจะเดินทางรอบโลก เพื่อให้จอผักกาดได้เป็นอาหารระดับโลก "จ้อน" มีนิสัยขี้หงุดหงิดและชอบโวยวาย ชอบทำตัวเปิ่นๆ เชยๆ พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ชอบคิดว่าตัวเองเท่ห์และเก่งกล้า แต่เวลาพอเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา จ้อนก็มักจะหลบหนีไปก่อนอยู่เรื่อย "จ้อน" มีปฏิญาณว่าจะต้องแกล้งนารีให้ได้สักครั้ง แต่ทว่าจ้อนก็ต้องแพ้ภัยตัวเองอยู่เสมอ

และสุดท้าย "ตาทุ่ง" คุณตาใจดี ที่ทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์สื่อแทน "หุ่นไล่กา" ซึ่งเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ของชาวนา ทำหน้าที่ยืนตากแดด ตากลม สู้ฝน เพื่อไล่ฝูงนกกาไม่ให้ลงมาทำลายแปลงนาข้าว "ตาทุ่ง" มักจะมีเรื่องราวมากมายมาเล่าให้หลาน ๆ ฟังจึงเป็นที่รักของเด็กๆ เพราะนอกจากนิทานสนุกๆ แล้ว ตาทุ่งยังเป็นแหล่งความรู้และที่ปรึกษาชั้นเยี่ยมอีกด้วย โดยเฉพาะกับ "ก้านยาว" หนุ่มเมืองจันท์ที่มักจะแวะเวียนมาหาตาทุ่ง เพื่อขอความรู้ในด้านทำการเกษตรและเรื่องของความรักซึ่งตาทุ่งไม่เคยทำให้ก้านยาวผิดหวัง

18 ตุลาคม 2549

ความคิดถึงของ "นุ่น"

เดินทาง




ตั๋วเรือจากผ่านฟ้าไปอโศกเพชรบุรี





รถแอร์ธรรมดา ราคาเริ่มต้นที่ 12 บาท


รถเมล์ แดงครีม ราคา 7 บาท




รถร่วมบริการ น้ำเงินขาว ราคา 8 บาท

10 ตุลาคม 2549

ความคิดถึงเดินทางผ่าน E-Mail









หลงตัวเอง

มิตรสหายที่เข้ามาเยี่ยมชม Blog พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฉันหลงตัวเอง ใน Blog จึงมีแต่รูปของตัวเอง !
แหม... คุณเพื่อนขอก็นี่มัน Blog ของอิฉันนี้จ๊ะ เรื่องราวใกล้ตัวที่สุดก็เป็นเรื่องของตัวเองนี่แหละ หางายและเร็ว ไม่ต้องรอให้เสียเวลา นี่คงไม่รู้กันล่ะสิว่า มีอีกคนหนึ่งที่สามารถเข้ามา UP ขอมูลได้ "ยัยหทัยทิพย์" ไง แต่ไม่เคยเข้ามาพัฒนาข้อมูลเลย เข้ามาอยู่ครั้งเดียวแล้วก็หายหัวไปเลย สงสัยตายไปแล้ว...

04 ตุลาคม 2549

เปิดต้นฉบับซักที

"กฎหมายใหม่" ฉบับ 76 ปิดต้นฉบับตกเดือน บก. แถลงว่า เพราะเขาทำรัฐประหารกัน เราจึงต้องทำรัฐประหารกับต้นฉบับเดิมไปด้วย เป็นไงล่ะเหตุผลของการปิดเล่มช้า
วันนี้เลยต้องอยู่ยาวววว... ซึ่งไม่รู้จะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ ไม่รู้กองบก. ที่อื่นเขาจะออกอาการเซ้ง ๆ อย่างนี้บ้างหรือเปล่า เฮ้อ... แต่เท่าที่รู้มาวันเป็ดเล่มสนุกอย่าบอกใครเลยล่ะ

เจ้าพายุช้างสารที่กำลังพัดกระหน่ำ เช้าตกเย็นตก ทำให้ต้องติดตามอ่านข่าวทุกวัน เพราะแว่วมาว่า ปราจีน น้ำจะท่วม โทรเช็คข่าวกับคุณนายแดงแทบทุกวัน ผ่านไปหลายวันเตการณ์ปกติ คือน้ำท่วมอย่างที่ข่าวในทีวีออก

วันนี้แม่โทรมาแต่เช้า บอกข่าวร้าย "น้องบอล" จมน้ำตาย ! หนังสือพิมพ์ไทยรัฐลงข่าวหน้า 1 สลดใจเป็นที่สุด เพราะเมื่อวันหยุดคราวที่แล้วเรายังนั่งกินหมูกระทะกันอยู่เลย ครอบครัวเราค่อนข้างสนิทกัน และบ้านอยู่ใกล้ ๆ กัน น้องบอลเป็นเด็กขยันช่วยพ่อ (เพิ่งจะได้รับเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้านหมาด ๆ)เลี้ยงน้อง ทำงานบ้าน พูดจาสุภาพ เรียบร้อย

ข่าวลงว่า น้องบอลกับเพื่อน ๆ ไปฟังผลสอบ ขากลับสะพานขาด เด็ก ๆ จึงเดินลุยน้ำกัน แต่โชคร้ายตรงที่นำพัดแรงมาก พัดจนทั้งสามคนเสียหลัก น้องบอลว่ายนำไม่แข็งถูกน้ำพัดไปไกล เพื่อนอีก 2 คน ลอยไปติดต้นไม้เลยรอดชีวิตมาได้

ขอให้น้องบอลสู่สุขตินะ หมดเวรหมดกรรมแล้วในชาตินี้