suree-weeken: กันยายน 2006

28 กันยายน 2549

น้ำตาดอนเมือง



ฝนตกต่อเนื่องหลายวันจนน้ำท่วม ฉันนึกเล่น ๆ ว่าเป็นความเศร้าโศกของสนามบินดอนเมืองที่กำลังจะหมดความสำคัญ ดอนเมืองร้องไห้อย่างต่อเนื่อง 3 วันเต็ม ๆ เพราะคงจะทำใจไม่ได้...
วันสุดท้ายของการใช้สนามบินดอนเมือง หลังจากเปิดให้บริการเป็นสนามบินแห่งชาติมากว่า 90 ปี ในเช้าวันที่ 27 ก.ย. มีผู้โดยสารทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาใช้บริการตามปกติกันอย่างคับคั่ง โดยสายการบินต่างๆนำเครื่องขึ้นลงกว่า 610 เที่ยวบิน แม้ว่าหลายสายการบินมีการปรับตารางการบินและลดเที่ยวบิน เพื่อป้องกันการฉุกละหุกในช่วงรอยต่อของการโยกย้ายข้าวของในคืนวันที่ 27 ก.ย. ทำให้เคาน์เตอร์เช็กอินส่วนใหญ่เงียบเหงากว่าปกติ
อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งวันผู้โดยสารรวมถึงพนักงานสายการบินต่างๆ และพนักงานบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. รวมทั้งประชาชนทั่วไปได้นำกล้องถ่ายรูปมาบันทึกภาพเป็นที่ระลึกตามจุดต่างๆของสนามบินกันอย่างคึกคัก นอกจากนี้นักสะสมของที่ระลึกยังแห่มาซื้อของที่ระลึกตามร้านค้า ที่บางร้านยอมขายแบบเลหลังลดราคาถึง 70 เปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งที่ได้รับความสนใจไม่น้อยก็คือไปรษณียบัตร และซองจดหมายปิดแสตมป์ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ท่าอากาศยานดอนเมือง และประทับตราไปรษณียากรเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ส่วนการขนย้ายอุปกรณ์สัมภาระของสายการบินและหน่วยงานต่างๆภายในสนามบินดอนเมืองไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานกรุงเทพและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องได้ทยอยขนย้ายสิ่งของตลอดทั้งวัน ด้วยรถบรรทุกสิบแปดล้อและรถหกล้อ ซึ่งช่วงกลางวันเป็นการขนย้ายตามปกติ ส่วนช่วงค่ำไปยันใกล้รุ่งของวันที่ 28 ก.ย. เป็นการขนย้ายด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและรักษาความปลอดภัยในการขนย้ายตลอดเส้นทาง ท่ามกลางความสนใจของสื่อทั้งไทยและต่างประเทศแห่ มาถ่ายภาพทำข่าวกันนับร้อยคน
สำหรับบรรยากาศทั่วไปที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก่อนเปิดใช้เชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบนั้น ตลอดวันที่ 27 ก.ย. ที่อาคารผู้โดยสารตั้งแต่ช่วงเช้าถึงค่ำ มีคนไทยและต่างชาติเดินทางมาใช้บริการตลอดทั้งวัน โดยคนที่มาใช้บริการยังพบปัญหาสารพัน ตั้งแต่หาจุดบริการต่างๆ อาทิ โทรศัพท์สาธารณะ จุดแลกเงินไม่เจอ ฯลฯ เนื่องจากสถานที่กว้างขวาง แต่ป้ายบอกทางมีน้อย รวมถึงปัญหาห้องน้ำที่บ่นกันเยอะเรื่องจำนวนห้องน้ำมีน้อยเกินไป ขณะเดียวกัน ในส่วนของการต่อเติมภายในอาคารผู้โดยสารและตามร้านค้ายังพบว่ามีคนงานเร่งมือต่อเติมและตกแต่งภายในอยู่ตลอด ส่งผลให้เกิดฝุ่นไม้และกลิ่นสีฟุ้งกระจายในบางจุด ขณะที่การรักษาความปลอดภัย ทางกองทัพได้นำสุนัขทหารจากกรมการสัตว์ทหารบกจำนวน 10 ตัว ซึ่งในจำนวนนี้มีสุนัขไทยพันทางชื่อ “มะเกลือ” ร่วมปฏิบัติการคอยตรวจตรา ร่วมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับบรรยากาศช่วงสุดท้ายของการใช้สนามบินดอนเมืองเป็นสนามบินแห่งชาตินั้น ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นมา ยิ่งใกล้เวลาสั่งลาภายในสนามบินยิ่งเงียบลงเรื่อยๆ เมื่อร้านค้าทยอยเก็บข้าวของและปิดร้านลงทีละร้าน ขณะที่ขบวนขนย้ายอุปกรณ์ ที่เป็นรถขนาดใหญ่ ก็ทยอยเคลื่อนขบวนเดินทางออกจากดอนเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยเวลา 18.50 น. รถเทรเลอร์ขนอุปกรณ์ภาคพื้นสนามของบริษัทบางกอกแอร์เวย์สและสายการบินโอเรียนท์ไทยกว่า 10 คันรถ ได้เคลื่อนขบวนจากดอนเมืองไปตามถนนวิภาวดีฯ ขึ้นโทลล์เวย์ออกถนนพระราม 9 เข้าสู่สุวรรณภูมิ ซึ่งถือว่าไร้อุปสรรคใดๆ แม้จะมีฝนตกลงมาอย่างหนักก็ตาม โดยในส่วนของการบินไทยจะเป็นสายการบินสุดท้ายในการขนย้ายอุปกรณ์หนัก โดยคาดว่าจะขนย้ายเสร็จสิ้นไปสุวรรณภูมิในเวลา 05.00 น. ของวันที่ 28 ก.ย. ส่วนที่บริเวณรอยต่อระหว่างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 1 และ 2 ที่มีพิธีอำลาดอนเมืองในชื่อ “ดอนเมืองรำลึก” สู่ “จุดหมายเดียวแห่งฝัน...สุวรรณภูมิ” ในเวลา 21.00 น. ก็มีผู้โดยสารที่จะต้องเดินทางไปกับเที่ยวบินสุดท้ายของการบินไทยทั้งสายในประเทศและระหว่างประเทศ รวมถึงพนักงานของสายการบินไทยและประชาชนทั่วไปได้เข้ามาถ่ายภาพที่ระลึกและร่วมเขียนความรู้สึกที่มีต่อสนามบินดอนเมืองกันอย่างเนืองแน่น
ทั้งนี้ เที่ยวบินสุดท้ายที่จะออกจากสนามบินดอนเมือง เป็นเที่ยวบินขาออกนอกประเทศของสายการบินคูเวตแอร์เวย์ส เดินทางจากกรุงเทพฯไปคูเวต ขึ้นบินในเวลา 02.50 น. วันที่ 28 ก.ย. ขณะที่สายการบินไทย เที่ยวบินสุดท้ายในการสั่งลาสนามบินดอนเมือง เป็นเที่ยวบินออกนอกประเทศ ที่ทีจี 662 กรุงเทพฯ-เซี่ยงไฮ้ ออกเดินทางในเวลา 01.45 น. ส่วนเที่ยวบินในประเทศ ขาออกเที่ยวสุดท้าย เที่ยวบินที่ทีจี 124 ออกจากดอนเมืองไปเชียงใหม่ในเวลา 22.15 น. ขาเข้าเที่ยวสุดท้าย เที่ยวบินที่ทีจี 216 มาจากภูเก็ตถึงดอนเมืองในเวลา 23.00 น. ซึ่งผู้โดยสารที่ใช้บริการในเที่ยวบินสุดท้ายนี้จะได้รับของที่ระลึกจากทางสนามบินด้วย
ข้อมูล Thairath 28 ก.ย. 49


26 กันยายน 2549

ลาแล้วสนามบินดอนเมือง

หลาย ๆ คนมีความทรงจำที่ดีต่อ "สนามบินดอนเมือง" เพราะเป็นที่แรกที่ได้ขึ้นเครื่องบิน แม้การขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของฉันจะไม่ใช่ที่สนามบินดอนเมือง แต่ฉันก็รู้สึกใจหายถ้าวันข้างหน้าจะไม่มีดอนเมืองแล้ว ในวันที่ 28 กันยายนนี้ "สนามบินดอนเมือง" จะต้องปิดฉากตังเองอย่างเป็นทางการ เพื่อให้ “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” รับหน้าที่แทน ในเวลา 03.00 นาฬิกา จะมีเที่ยวบินเที่ยวสุดท้ายมาลงที่สนามบินดอนเมือง และจากนาทีนั้นเป็นต้นไป “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” จะเป็นสนามบินแห่งใหม่ของประเทศไทยที่ทันสมัยและยิ่งใหญ่ติดอันดับเอเซียร์


25 กันยายน 2549

เมื่อความคิดถึงเดินทางมา



โปสการ์ดน่ารักของ "กระติ๊บ"

'รู้สึก' เป็นปัจจุบัน 'นึก' เป็นอดีต 'คิด' เป็นอนาคต - ความรู้สึกทำให้ตระหนักต่อการมีชีวิต ขณะความคิดทำให้ตระหนักต่อการเป็นคน ฉะนั้นไม่ว่าความรู้สึกหรือความคิดมันมีน้ำหนักและคุณค่าเท่ากัน และถ้ามันรวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มันจะสำแดงพลังขึ้นมา พลังทางปัญญาก็คือองค์รวมของความรู้สึกนึกคิดนั่นเอง ความรู้สึกนึกคิดที่มีอยู่ในชั่วขณะปัจจุบัน ด้วยรูปแบบและเนื้อหาดีๆ มันเป็นพลังทางปัญญา เป็นบทกวีได้ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์


การทุ่มเทเวลาให้กับงานจนลืมให้ความสำคัญกับตัวเอง ไม่ใช่การใช้ชีวิตที่ถูกต้อง เพราะเวลาที่เราเจ็บป่วย ก็จะมีแต่คนที่เรารักเท่านั้นคอยดูแล หากเหตุผลของการทำงานหนักคือเพื่อเลี้ยงดูลูกเมีย ในที่สุดแล้วผลที่เกิดขึ้น ก็จะมีแต่ลูกเมียเท่านั้นที่ได้รับความทุกข์นี้ การจัดสรรชีวิตเป็นเรื่องที่สำคัญ โปรดรู้ไว้ว่าการนอนชดเชยไม่มีจริงในชีวิตนี้ การสูญเสียการนอนไปแล้วชดเชยด้วยการนอนสองเท่าไม่ได้ นาฬิกาชีวิตมันผ่านไปแล้ว ดร. วรฑา วัฒนะชยังกูร

22 กันยายน 2549

※ อากาศเริ่มหนาวแล้ววววว ^_^


เพราะเมื่อคืนฝนตกหนัก เช้านี้อากาศจึงเย็นสบาย ลมพัดสดชื่นหอบไอกลิ่นของหน้าหนาวมาด้วย ทำให้คิดถึง "ดอยสูง ภูหนาว"

อีกไม่กี่เดือนก็จะสิ้นปีแล้ว ผองเพื่อนจะได้เดินทางร่วมกันอีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นการเดินทางของฉันกับกระติ๊บเพียงสองคนเหมือนที่ผ่านมา หรืออาจจะมีสมาชิกร่วมเดินทางมากกว่านั้น ฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าวันนี้ ฉันยังมีแรง ฉันยังมีฝัน ฉันจึงอยากเดินทาง...

20 กันยายน 2549

♪ Forward mail

ฉันเชื่อว่า . . . หลายคน คงเคยเสียเพื่อนสนิทไป
เพียงเพราะ . . . เขาเป็นเพื่อนต่างเพศ
เพียงเพราะ . . . เราถูกมองว่าเป็นแฟนกัน
เพียงเพราะ . . . เราไม่เคยคุยกันให้ชัดเจน
ทำให้เราวางตัวไม่ถูก . . . จนมองหน้ากันไม่ติด
และในที่สุด . . . ก็กลายเป็นคนไม่รู้จักกัน

เมื่อก่อนฉันเองก็เป็นแบบนี้
ฉันเสียเพื่อนที่ดี . . . เพื่อนที่เข้าใจกัน
เพื่อนที่รู้ใจกัน . . . ไปมากมาย
เพียงเพราะ . . . แคร์กับสิ่งที่คนรอบข้างพูดเท่านั้น

เมื่อไม่นานมานี้ . . .
ฉันเจอเพื่อนคนใหม่ . . . ในตัวเขามีทุกอย่างที่ฉันไม่มี
และบางอย่างที่ฉันมี . . . เขาก็ไม่มีเช่นกัน
เราไปเที่ยวกัน 2 คน . . .
ไปกินข้าวด้วยกัน โทรหากัน . . . ด้วยความห่วงใยที่มี
ด้วยเวลาไม่กี่วัน . . . เราก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน

แต่ในสายตาของคนรอบข้าง . . . ไม่ใช่แค่นั้น
เหตุการณ์และปัญหาเดิมๆ ก็กลับมาอีกครั้ง
ฉันบอกกับตัวเองว่า . . .
“ฉันชินแล้ว . . . ถ้าจะต้องเสียเพื่อนไปอีกคน”

♤ ทหารบุกเมือง

เมื่อวานตอนเย็นออกนอกสถานที่ ถนนพหนโยธินเริ่มเดินทางตรงแยกลำลูกกา มุ่งหน้าสู่กองทัพย์อากาศ ตลอดเส้นทางเห็นทหารหนุ่มหน้าตาละอ่อนยืนถือปืน พร้อมด้วยรถถังค่อนไปทางเก่า ทำหน้าที่รักษาความสบงในเหตุการณ์ยึดอำนาจทักษิณนายกขายชาติ เป็นระยะ ๆ ตลอดเขตฐานทัพอากาศ บังเอิญรถติดตรงที่ทหารยืนอยู่พอดี อดไม่ได้ที่จะหันไปยิ้มให้ 1 ยิ้มใหญ่ ๆ พร้อมกับชูนิ้ว "สู้ตายนะคะ"

ตื่นเช้ามาทำงาน บนรถบริการของกองทัพอากาศ เด็กน้อย 3 คน ประมาณ ป. 3 พากันชี้ดูทหารชุดพรางกับรถถังที่ถูกขับมาจอดตาม
จุดต่าง ๆ ตลอดเส้นทาง คงแปลกใจที่ทำไมอยู่ ๆ ถึงมีทหารบกมารวมตัวกันอยู่ในเขตของทหารอากาศ มากมายขนาดนี้ แล้วอยู่ ๆ เด็กคนนึงก็พูดขึ้นมาว่า "เลยโรงเรียนมา 2 ป้านแล้วนะโว้ย"

ทั้งกระเป๋ารถเมล์และผู้โดยสารคนอื่น ๆ อมยิ้มด้วยความเอ็นดู...
ในสถานการณ์อย่างนี้ยังมีเรื่องน่ารัก ๆ เกิดขึ้นเสมอ ปลายปืนสีดำผูกโบสีเหลือ ทหารที่ยืนรักษาการณ์ได้รับดอกไม้ให้กำลังใจ แม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็รู้ว่า "คนไทยเรารักกัน"
คงมีคนเดียวที่ไม่เคยรักคนอื่นเลย หน้าไม่อาย...

♠ การเดินทางของความคิดถึง


19 กันยายน 2549

ลำดับเหตุการณ์ รัฐประหารทักษิณ

เหตุการณ์วันที่ 19 กันยายน 2549 "วันวิกฤติ" ก่อนที่คณะ ผบ.เหล่าทัพ และ ผบ.ตร.จะเข้ายึดอำนาจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี
เวลาประมาณ 08.00 น. วันที่ 19 กันยายน มีคำสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เรียกผู้นำทุกเหล่าทัพเข้าประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่มีผู้นำเหล่าทัพคนใดเข้าร่วม พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. อ้างว่ากระชั้นชิดเกินไป ทำให้ต่อมามีกระแสข่าวลือการปฏิวัติรัฐประหาร แพร่สะพัดไปทั่วทำเนียบรัฐบาล และเริ่มกระจายสู่ภายนอก โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์
เวลาประมาณ 12.00 น. หลังการประชุม ครม. โดยผ่านระบบเวบแคมเมอรา รัฐมนตรีหลายรายได้สอบถามผู้สื่อข่าวถึงข้อเท็จจริงเรื่องนี้อย่างตื่นเต้น
เวลา 18.30 น. มีข่าวกำลังทหารหน่วยรบพิเศษจาก จ.ลพบุรี เคลื่อนกำลังเข้ากรุงเทพฯ มีข่าวว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ข่าวระบุว่า เป็นเรื่องการทำบุญ หม่อมหลวงบัว
เวลา 18.55 น. สำนักข่าวไทยรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ประกาศเลื่อนเดินทางกลับประเทศไทยเร็วขึ้นจากวันที่ 22 กันยายน เป็น 05.00 น. วันที่ 21 กันยายนแทน ช่วงค่ำ รัฐมนตรีหลายรายต่างโทรเช็คข่าว
เวลา 20.00 น. ตำรวจ 191 เบิกอาวุธเอ็ม 16 ไปรอเตรียมพร้อมที่กองกำกับการ 2 (ป้องกันและปราบปรามจลาจล) ถ.วิภาวดีรังสิต
เวลาประมาณ 21.00 น. กำลังทหารจากพลร่มป่าหวาย หน่วยสงครามพิเศษลพบุรี เข้ามาประจำการที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) มีผู้โพสต์ข้อความถามถึงข่าวลือปฏิวัติในเวบพันทิป
เวลา 21.10 น. รถถ่ายทอดสด (โอบี) สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) เข้า บก.ทบ.
เวลาประมาณ 21.30 น. สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ตัดรายการปกติ เปิดเพลงที่มีเนื้อหาสรรเสริญพระบารมี
เวลาประมาณ 21.30 น. กลุ่มผู้สื่อข่าวได้เข้าไปยังทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ ตำรวจยังคงรักษาทำเนียบรัฐบาลเป็นปกติ ท่ามกลางข่าวลือว่ามีการนำกำลังเข้าควบคุมตัว พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รักษาการ รมว.กลาโหม ขณะที่มีอีกกระแสข่าวว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางไปประเทศอังกฤษตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทำเนียบรัฐบาลมีคำสั่งห้ามคนนอกเข้าไปเด็ดขาด เจ้าหน้าที่ได้เชิญผู้สื่อข่าวบางส่วนออกมา ทำให้ผู้สื่อข่าวต้องไปรอจับกลุ่มออกันอยู่บริเวณหน้าทำเนียบเป็นจำนวนมาก
เวลา 21.30 น. น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาลด้านหลังตึกไทย ไล่เลี่ยกัน พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรม ได้เดินทางตามเข้ามาแต่ไม่ได้ลงจากรถ ก่อนที่ น.พ.พรหมินทร์ จะหอบเอกสารปึกใหญ่เดินขึ้นรถ พล.ต.อ.ชิดชัย และเคลื่อนออกไปจากทำเนียบด้วยกัน
เวลาประมาณ 21.30 น. กำลังคอมมานโดตำรวจกองปราบปรามได้เดินทางไปรักษาความปลอดภัยที่บ้านจันทร์ส่องหล้า
เวลา 22.00 น. ขบวนรถถังเคลื่อนเข้าคุมเชิงที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ และ ถ.ราชดำเนิน
เวลาประมาณ 22.00 น. สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นรายงานสด (เบรกกิ่งนิวส์) สถานการณ์ในเมืองไทย หลังมีผู้เห็นกองกำลังทหารออกคุมกำลังตามสถานที่สำคัญต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ
เวลา 22.15 น. ทหารจำนวนมาก ออกมาตรึงกำลังตามถนนต่างๆ ตั้งแต่แยกเกียกกาย ผ่านมาถึง ถ.ราชสีมา บริเวณสวนรื่นฤดี สี่แยกราชตฤณมัยสมาคม (สนามม้านางเลิ้ง) โดยมีทหารแต่งกายลายพรางเต็มยศเป็นผู้ควบคุมกำลัง
เวลาประมาณ 22.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ รักษาการนายกฯ ได้โทรศัพท์สั่งการไปยังสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 เตรียมการถ่ายทอดสดเสียงตนเองผ่านทางโทรศัพท์จากนิวยอร์ก แต่ขณะที่กำลังรอสาย ทหารได้เข้าควบคุมสถานการณ์ในช่อง 11 ได้ก่อน โดยได้นำเจ้าหน้าที่ช่อง 11 ทั้งหมดไปควบคุมไว้ยังห้องโถง ตั้งแต่เวลา 22.00 น. จนถึงเวลา 00.30 น. จึงปล่อยตัวออกจากสถานี
เวลา 22.13 น. สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท พ.ต.ท.ทักษิณ ออกประกาศพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ควบคุมพื้นที่กรุงเทพฯ ระบุอยู่ในขั้นรุนแรง และให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้รายงานตัวต่อ พล.ต.อ.ชิดชัย และตั้ง พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.สส. คุมอำนาจแก้สถานการณ์ฉุกเฉิน
เวลา 22.17 น. สัญญาณช่อง 9 อสมท ถูกตัดลง หน้าจอโทรทัศน์ดับสนิทชั่วครู่ โดยมีรายงานว่า เพราะทหารตัดไฟสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ขณะ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก่อนจะตัดเข้าโฆษณาสินค้าประมาณ 2 ตัว ก่อนจะตัดเข้าสู่รายการปกติ โดยมีรายงานข่าวว่ากำลังทหารบุกเข้าควบคุมที่ห้องส่งสัญญาณออกอากาศ พร้อมควบคุมตัวนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กก.ผอ.ใหญ่ บมจ.อสมท
เวลา 22.25 น. สถานีโทรทัศน์เกือบทุกช่องตัดเข้ารายการเพลง เปิดเพลงที่มีเนื้อหาสรรเสริญพระบารมี ยกเว้นช่อง 9 และช่อง 3 ที่นำเสนอรายการปกติ โดยมีรายงานข่าวว่า มีกำลังทหารเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง โดยเฉพาะช่อง 9 อสมท และไอทีวี
เวลา 22.30 น. สถานีโทรทัศน์ทุกช่องเริ่มเชื่อมสัญญาณกับ ททบ.5 และเปิดเพลงที่มีเนื้อหาสรรเสริญพระบารมี แม้แต่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมอย่างเอเอสทีวี ยกเว้นเนชั่นแชนนัล ทางสถานีโทรทัศน์ไททีวี ช่อง 1 ที่ยังคงรายงานสถานการณ์ได้ตามปกติ
เวลา 22.35 น. เนชั่นแชนนัล ถูกเชื่อมสัญญาณเหมือนทุกช่อง
เวลา 22.30 น. มีรายงานข่าวว่า มีรถถ่ายทอดสดไปที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์เพื่อเตรียมถ่ายทอดสด
เวลา 22.30 น. มีรายงานข่าวว่า กำลังทหารส่วนหนึ่งได้เข้าควบคุมตัว พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.กองปราบปรามและ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต (เสธ.ไอซ์) ที่ปรึกษากองทัพบก
เวลา 22.54 น. สถานีโทรทัศน์ทุกช่องได้ขึ้นโลโก้สถานีรวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย พร้อมขึ้นคำประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมขออภัยในความไม่สะดวก พร้อมเปิดเพลง "ความฝันอันสูงสุด"
เวลา 22.57 น. สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นแพร่รถถังและกำลังทหารควบคุมสถานการณ์ภายใน กทม. ช่วงหนึ่งได้แพร่ภาพกลุ่มชาวบ้านใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปกำลังทหารเหล่านั้น โดยไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
เวลา 23.15 น. พล.ต.ประพาส ศกุนตนาถ อดีตโฆษก ททบ.5 อ่านแถลงการณ์คณะปฏิรูปการปกครองฯ ที่แสดงไว้ในหน้าจอก่อนหน้านี้ซ้ำถึงสองครั้ง
เวลา 23.30 น. เอเอสทีวีออกอากาศได้ตามปกติอีกครั้ง ขณะที่สถานีโทรทัศน์ทุกช่องยังคงเชื่อมสัญญาณกับ ททบ. 5 ขณะเดียวกันทหารจาก ป.พัน 21 สังกัด ร.21 ประมาณ 30 นาย พร้อมอาวุธครบมือเดินทางมายังอาคารเนชั่นทาวเวอร์ ที่สถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนนัล โดยยืนยันว่า มาดูแลความสงบเรียบร้อยทั่วไป ขณะที่เนชั่นแชนนัล เริ่มออกอากาศได้อีกครั้งในเวลา 23.44 น.
เวลา 23.59 น. ผู้บัญชาทหารทุกเหล่าทัพเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต

"กฎอัยการศึก" คืออะไร

เมื่อคืนตอนโทรเช็คข่าวกับกระติ๊บว่ามันเกิดอะไรขึ้น เข้าเว็บผู้จัดการดูความเคลื่อนไหว ทำให้เกิดขอสงสัยว่า "กฎอัยการศึก" คืออะไร ใช้อย่างไร จึงได้จึงได้ค้นข้อมูลจากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ได้ความว่า

ภายหลังคณะปฏิรูปการปกครองฯ นำโดยผู้นำเหล่าทัพ พร้อมผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ปฏิวัติยึดอำนาจรัฐบาล ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เมื่อกลางดึกวันที่ 19 กันยายน 2549 ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความความสงบความเรียบร้อยต่อบ้านเมืองและประชาชน คณะปฏิรูปการปกครองจึงประกาศ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ออกมาใช้ในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในตัวบทกฎหมายของ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ว่ามีที่มาที่ไปและอำนาจขอบเขตในการใช้อย่างใด "คม ชัด ลึก" จึงได้คัดข้อความในบางมาตราที่สำคัญของ "พ.ร.บ.กฎอัยการศึก" เกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ขอบเขตผู้มีอำนาจการใช้ และอำนาจของทหารในการบังคับใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าว ดังนี้ กฎอัยการศึก เป็นกฎหมายซึ่งได้ตราขึ้นไว้สำหรับประกาศใช้เมื่อมีเหตุจำเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง เช่น ในกรณีเกิดสงคราม การจลาจล ในเขตที่ประกาศใช้กฎอัยการศึก เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจหน้าที่เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนในส่วนที่เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาบางอย่างที่ประกาศระบุไว้แทนศาลพลเรือน ส่วนความเป็นมาของ พ.ร.บ.กฎอัยการศึกนั้น ประเทศไทยได้ตรากฎหมาย กฎอัยการศึกเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรก ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ "กฎอัยการศึก ร.ศ.126" ตรงกับ พ.ศ.2450 ซึ่ง พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ร.ศ.126 นี้ มีเพียง 8 มาตรา และใช้อยู่เพียง 7 ปี ก็ถูกยกเลิกโดย "พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457" ทั้งนี้ ก็เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ในขณะนั้น ปัจจุบัน พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 ได้ประกาศใช้จนถึงวันนี้ เป็นเวลามากกว่า 91 ปี ซึ่งมีรายละเอียดของ พ.ร.บ.กฎอัยการศึกฯ รวม 17 มาตรา โดยวัตถุประสงค์ของการออก พ.ร.บ.กฎอัยการศึกนั้น มาตรา 2 ระบุว่า เมื่อเวลามีเหตุอันจำเป็นเพื่อรักษาความเรียบร้อย ปราศจากภัย ซึ่งจะมีมาจากภายนอก หรือภายในราชอาณาจักรแล้ว จะได้มีประกาศพระบรมราชโองการให้ใช้กฎอัยการศึกทุกมาตรา หรือแต่บางมาตรา หรือข้อความส่วนใดส่วนหนึ่งของมาตรา ตลอดจนการกำหนดเงื่อนไขแห่งการใช้บทบัญญัตินั้นบังคับในส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักร หรือตลอดทั่วราชอาณาจักร และ ถ้าได้ประกาศใช้เมื่อใด หรือ ณ ที่ใดแล้ว บรรดาข้อความในพระราชบัญญัติ หรือบทกฎหมายใดๆ ซึ่งขัดกับความของกฎอัยการศึกที่ให้ใช้บังคับต้องระงับ และใช้บทบัญญัติของกฎอัยการศึกที่ให้ใช้บังคับนั้นแทน ส่วนขอบเขตผู้มีอำนาจใช้กฎอัยการศึก มาตรา 4 ได้ระบุว่า เมื่อมีสงคราม หรือจลาจลขึ้น ณ แห่งใด ให้ผู้บังคับบัญชาทหาร ณ ที่นั้น ซึ่งมีกำลังอยู่ใต้บังคับไม่น้อยกว่า 1 กองพัน หรือเป็นผู้บังคับบัญชาในป้อม หรือที่มั่นอย่างใดๆ ของทหารมีอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึก เฉพาะในเขตอำนาจหน้าที่ของกองทหารนั้นได้ แต่จะต้องรีบรายงานให้รัฐบาลทราบโดยเร็วที่สุด สำหรับอำนาจทหารเมื่อประกาศใช้กฎอัยการศึก มาตรา 6 ได้ระบุถึงรายละเอียดไว้อย่างชัดเจนว่า ในเขตที่ประกาศใช้กฎอัยการศึก ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจเหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน ในส่วนที่เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติ ตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร นอกจากนี้ ใน พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มาตรา 8 ยังให้อำนาจเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารอย่างเต็มที่ โดยระบุว่า เมื่อประกาศใช้กฎอัยการศึกในตำบลใด เมืองใด มณฑลใด เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจเต็มที่จะตรวจค้น ที่จะเกณฑ์ ที่จะห้าม ที่จะยึด ที่จะเข้าอาศัย ที่จะทำลาย หรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ และที่จะขับไล่ ด้านการตรวจค้น พ.ร.บ.กฎอัยการศึกตามมาตรา 9 ให้อำนาจที่จะตรวจค้น ดังต่อไปนี้ 1.ที่จะตรวจค้นบรรดาสิ่งซึ่งจะเกณฑ์ หรือต้องห้าม หรือต้องยึด หรือจะต้องเข้าอาศัย หรือมีไว้ในครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งมีอำนาจ ที่จะตรวจค้นได้ไม่ว่าที่ตัวบุคคล ในยานพาหนะ เคหสถาน สิ่งปลูกสร้าง หรือที่ใดๆ และไม่ว่าเวลาใดๆ ทั้งสิ้น 2.ที่จะตรวจข่าวสาร จดหมาย โทรเลข หีบ ห่อ หรือสิ่งอื่นใดที่ส่ง หรือมีไปมาถึงกันในเขตที่ประกาศใช้กฎอัยการศึก 3. ที่จะตรวจหนังสือ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ภาพโฆษณา บท หรือคำประพันธ์ และ 3.อำนาจที่จะตรวจหนังสือ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ภาพโฆษณา บทหรือคำประพันธ์ ทั้งนี้ ในส่วนของ อำนาจการกักตัวบุคคลที่ต้องสงสัยเป็นราชศัตรูนั้น มาตรา 15 ทวิ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีเหตุอันควรสงสัยว่า บุคคลใดจะเป็นราชศัตรู หรือได้ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของ พ.ร.บ.นี้ หรือต่อคำสั่งของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจกักตัวบุคคลนั้นไว้ เพื่อการสอบถาม หรือตามความจำเป็นของทางราชการทหารได้ แต่ต้องกักไว้ ไม่เกินกว่า 7 วัน อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องการประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึกนั้น ตาม พ.ร.บ.กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า การที่จะเลิกใช้กฎอัยการศึกแห่งใดนั้น จะเป็นไปได้ต่อมี ประกาศกระแสพระบรมราชโองการเสมอ

ปฏิวัติ

ประกาศแถลงการณ์ฉบับที่ 1

คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
ด้วยเป็นที่ปรากฎโดยแน่ชัดว่า การบริหารราชการแผ่นดินโดยรัฐบาลรักษาการปัจจุบัน ได้ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง แบ่งฝ่าย สลายความรู้รักสามัคคีของคนในชาติ อย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ต่างฝ่ายต่างมุ่งหวังเอาชนะด้วยวิธีการหลากหลายรูปแบบ และมีแนวโน้มนับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยประชาชนส่วนใหญ่เคลือบแคลงสงสัยการบริหารราชการแผ่นดิน อันส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง หน่วยงาน องค์กรอิสระ ถูกครอบงำทางการเมือง ไม่สามารถสนองตอบเจตนารมณ์ตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ทำให้การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเกิดปัญหาและอุปสรรคหลายประการ ตลอดจนหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่เคารพเทิดทูนของปวงชนชาวไทยอยู่บ่อยครั้ง แม้หลายภาคส่วนสังคม จะได้พยายามประนีประนอมคลี่คลายสถานการณ์มาโดยต่อเนื่องแล้วแต่ยังไม่สามารถที่จะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งยุติลงได้
ดังนั้นคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ซึ่งประกอบด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ขอยืนยันว่า ไม่มีเจตนาที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดินเสียเอง แต่จะได้คืนอำนาจการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขกลับคืนสู่ปวงชนชาวไทยโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้เพื่อธำรงรักษาไว้ ซึ่งความสงบสุข และความมั่นคงของชาติ รวมทั้งเทิดทูนไว้ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพยิ่งของปวงชนชาวไทยทุกคน
ประกาศ ณ วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 เวลา 23.50 น.
ลงชื่อ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน
หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
--------------------------------
ข้อมูลและภาพจาก http://w3.manager.co.th รวดเร็วทันใจวัยรุ่น

แม้วชะตาขาด !

“เนื่องด้วยขณะนี้คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งประกอบด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เข้าควบคุมสถานการณ์ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลไว้ได้แล้ว และไม่มีการขัดขวางเพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองจึงขอความร่วมมือประชาชน ในการให้ความร่วมมือ และขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ด้วย”
ปฏิวัติ กองกำลังทหารไม่ทราบจำนวน ได้เดินทางมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลแล้ว !
รอดูข่าวความเคลื่อนไหว การปฏิวัติยึดอำนาจทักษิณคืนสู่ประชาชนอย่างใจจดใจจ่อ ไม่อยากเชื่อว่าตัวมันอยู่ต่างประเทศแล้วยังใช้อำนาจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ สั่งให้ทหารล้อมทำเนียบรัฐบาล และสั่งปลด พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก มันเลวได้ถ้วยจริง ๆ สินะ บ้านนี้เมืองนี้ให้มันได้เกิดได้กินยังทำกันได้ ขอให้ไม่ตายดีนะ ไอ้นายกขี้โกง !

2 : 2

ไม่มีสมาธิทำงานเพราะมัวแต่นั่งคิดถึงการเดินทาง หยิบรูปเก่า ๆ ขึ้นมาดู แล้วคิดในแง่บวกว่า "เราได้เดินทางมากเหมือนกันเนอะ" แต่ถ้าคิดในแง่ลบก็จะเป็นว่า "ก็มัวแต่ห่วงเรื่องเที่ยว ดูสิ... อายุปูนนี้แล้วไม่เห็นมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย" ชีวิตจะมีความสุขอะไรถ้าไม่ได้ทำอย่างที่ใจต้องการ
เวลากลับบ้าน (ปราจีน) แม่มักจะถามว่า วันหยุดนี้จะไปเที่ยวไหนล่ะ เที่ยวให้มันมาก ๆ นะ เดี๋ยวตายแล้วจะไม่ได้เที่ยว แม้จะเป็นคำพูดที่ถากถาง แต่มันก็เป็นแรงผลักดันที่ทำให้อยากเดินทางทุกวันหยุด "เที่ยวมาก ๆ เดี๋ยวตายแล้วจะไม่ได้เที่ยว" จริงอย่างที่แม่พูดแฮะ... ทำงาน เก็บตังค์ เที่ยว ดีกว่าทำงานหนัก มีตั้งค์มาก แล้วอยู่บ้านผงาบ ๆ ไม่อยากรอให้ถึงวัยเกษียณแล้วค่อยท่องโลก เพราะถึงตอนนั้นคงไม่มีแรงพอ "ไอ้เต้ย" สุดที่ Love มักจะพูดดักหน้าก่อนวันหยุดยาวว่า "หยุดนี้ขอพักผ่อนนอนหลับอยู่ที่บ้านนะ ไม่อยากไปไหน เหนือย" ให้มันได้อย่างนี้สิ
ในรูปข้างบนไปเที่ยว จ.เลย พักที่ เลยรีลาวดี รีสอร์ท และก็เช่ารถไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน พอดีเขาเพิ่งเปิดด่านข้ามแดนใหม่ที่ อ.ด่านซ้าย เลยไปใช้บริการกลับบ้านเกิดเมืองนอนซะหน่อย งานนี้ไปกับคุณชาย สองต่อสอง (ถ้าเป็นหนุ่ม ๆ คงบันเทิงไม่น้อย)

18 กันยายน 2549

รำเพยทายทัก


17 กันยายน 2549

ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง
ฉันจึงมาหาความหมาย
ฉันหวังเก็บอะไรไปมากมาย
สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว...

ความรัก




บางครั้ง ความรัก ก็เข้ามาหาเรา เพื่อให้เราเรียนรู้ มิใช่ให้เราครอบครอง ... ไม่ผิดหากจะรักคนมีเจ้าของ แต่จะผิดหากเข้าไปทำหน้าที่ซ้ำซ้อนคนอีกคน ...หน้าที่ของความรัก คือ การเดินไปมอบความรัก และยืนเฉย ๆ เพื่อรับมัน ไม่ใช่การดิ้นรนเพื่อให้ได้มา ...ในห้วงรัก การถูกรัก มันสุขใจ การมอบความรักมันอิ่มเอมและเมื่อได้รับการปฏิเสธ มันทรมาน ...ความรัก จะเกิดขึ้นเมื่อเกิดการถ่ายเทพลังอันอ่อนโยนของคนสองคน ...ความรัก มิใช่การเข้าไปเป็นชีวิตเขา แต่คือ การเข้าไปอยู่ข้าง ๆ ชีวิตเขา ...คนบางคนเหมาะที่เกิดมาเพื่อให้เรารัก แต่ ไม่เหมาะที่จะร่วมชีวิตด้วย ...ความรัก ระยะแรกทำให้ร่างกายหลั่งสารกระตือรือร้นทำให้มนุษย์ทำทุกอย่างให้ได้มาซึ่งความรัก ...แฟน ก็คือ เพื่อนคู่คิด ที่ก้าวไปด้วยกันในวันข้างหน้า ...ในวันที่ความรักคงที่ สารกระชุ่มกระช่วยงดทำงาน สิ่งเดียวที่จะทำให้อยู่ด้วยกันได้ตลอดไป คือ ความเข้าใจล้วน ๆ ...ความห่างไกล มันทรมาน เวลาเจอกันจึงหอมหวาน และเป็นความทรงจำที่เก็บไปนั่งเพ้อฝันได้ในวันจาก ...บุคคลไม่พึงประสงค์สำหรับทุกคู่รัก มักจะเดินทางมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ...ผู้ชายแสดงความรักด้วยการกระทำ ขณะที่ผู้หญิงอยากรู้ว่า รัก จากคำพูดความรัก ไม่ต้องการแค่วันเดียว ความรัก ไม่ต้องเกี่ยวกับวันไหน ความรัก ไม่ต้องมีเวลาใด ความรัก ไม่ต้องใช้ให้ใครชี้ ความรัก ไม่ต้องมี ข้อวิจารณ์ ความรัก ไม่ต้องการ การกดขี่ ความรัก ไม่ต้องให้ ใครตราตี ความรัก ไม่ต้องมี เส้นพรมแดน ความรัก ไม่ต้องรอ ข้อพิสูจน์ ความรัก ไม่ต้องพูด ตามแบบแผน ความรัก ไม่ต้องการ การตอบแทน ความรัก ไม่ต้องแค่ หัวใจคน ความรัก ไม่ต้องการ การเป็นต่อ ความรัก ไม่ต้องรอ ขอเหตุผล ความรัก ไม่ต้องย้ำ ความมีจน ความรัก ไม่ต้องทน ที่จะรัก

15 กันยายน 2549

เบื่อ ๆ อยาก ๆ


สองลืมรูปนี้ได้ไง วิ่งข้ามสระกันหอบเลยนะแก

14 กันยายน 2549

Law Firms in Bangkok


"โลกนี้ไม่มีอัศวินม้าขาว ไม่ต้องรอ เพราะอัศวินม้าขาวคือตัวเราเอง"
คำคมจากการไปสัมภาษณ์ อ.สุรศักดิ์ วาจาสิทธิ์ ที่สำนักงาน Hunton & Williams Law Firms ตึก Q.House สวนลุมพินี โอ่อ่า... ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศ office ของคนเมือง เพราะคนทำงานแถบ ๆ ตะเข็บกรุงเทพฯ อย่างเรา นานทีปีหนถึงจะได้เข้าเมือง เป็นธรรมดาที่จะหูตาแหกกับสิ่งที่เห็น
สิ่งที่ อ.สุรศักดิ์ พูดทำให้เราได้คิดหลายเรื่อง และสิ่งที่ อ.เน้นเป็นพิเศษคือ เรื่องของภาษา ใครไม่ได้ภาษาก็แทบจะหมดหนทางทำมาหากิน..
โลกเราทุกวันนี้ไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากใคร เพราะตัวเราเองนั่นแหละคือสิ่งสำคัญที่จะกำหนดทุกสิ่งอย่างได้

13 กันยายน 2549

ก็คือฉันนั้นเพียงจะขอเธอ ออกเดินทางไปด้วยกัน


เมื่อวานพยายามค้นหาวิธีใส่เพลงเข้าไปใน Blog ร่วม 2 ชั่วโมง เนื่องด้วยเป็นมือใหม้เพิ่งจะหัดทำ แล้วก็ประสบความสำเร็จ ค้นพบสัจธรรมและได้เพลงที่ต้องการมาหลายเพลง ดีใจมาก เพลง "เส้นทางนี้" ของ เจี๊ยบ วัฒนา ดูเหมือนจะเข้ากับ Blog ของเรามากที่สุด
"หากความรักเป็นดังเส้นทางสายหนึ่ง ซึ่งอาจจะมีความหมายแต่คนใช้มันมามากมายเต็มที
เส้นทางจึงมีนิยายเส้นทางนี้มันเป็นเส้นทางสายเก่า เก่าๆแต่มีความหมาย
เส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางนิยาย ไม่มีวันตายนิรันดร์
* ก็คือฉันนั้นเพียงจะขอเธอ ออกเดินทางไปด้วยกัน
เส้นทางนี้ก็คงจะน่าเดิน หากมีเราเดินเคียงกัน
เส้นทางนี้จะมีเรื่องราวขึ้นใหม่ ยิ่งใหญ่และมีความหมาย
หากทางนี้มีเราร่วมเดินกันไป เป็นตัวเอกในนิยาย(ซ้ำ *)
มันอาจจะเป็นทางไกล ไกลสุดขอบฟ้าสีคราม แต่เป็นทางดีงามสมใจ
ถ้าหากมีเราเดินไป ไกลสักเพียงไหนไม่หวั่น จะฝ่าฟันให้สุดเส้นทาง(ซ้ำ * , *)
เส้นทางนี้จะมีเรื่องราวขึ้นใหม่ ยิ่งใหญ่และมีความหมายหากทางนี้มีเราร่วมเดินกันไป เป็นตัวเอกในนิยาย..."
^_^

11 กันยายน 2549






หลายวันมานี้มีแต่เรื่องราวชวนบวดหัว ทั้งเรื่องของตัวเองและคนรอบข้าง เพื่อนร่วมงานที่ชอบโยนขี้ให้คนอื่น ไม่รู้มันทำได้ไง บ้าหรือเปล่า
ต้นฉบับก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะปิดเมื่อไหร่ วันนี้ก็จะครึ่งเดือนแล้ว บก. ของเรายังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เลย Dummy ก็ไม่ออก ไม่มีการวางแผน แนะนำอะไรก็ไม่ได้ ต่อให้ปรับพนักงานซักกี่ชุดก็ไม่มีทางเจริญได้ ไม่อยากจะดูถูกวิชาชีพของตัวเองเลย แต่มันก็เป็นอย่างนี้อยู่วันยังค่ำ และไม่มีแนวโน้มว่าจะพัฒนาได้ และไม่นานก็คงพังกันไปข้างหนึ่ง...
เบื่อโว้ยยยยยยยย

08 กันยายน 2549

05 กันยายน 2549

สวนนงนุช ปราจีน







ล่องแก่งหินเพลิง ปราจีนบุรี